ข่มขืนและฆาตกรรม ของ เท็ด บันดี

แอน รูล์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติและอาชญากรรมของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า The Stranger Beside Me และนักสืบ โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 ปี ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แอน เบอร์ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งอาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยบันดีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของอาคารของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อนเหล็กขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปในช่องคลอดของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกองเลือด เลนซ์รอดชีวิตแต่สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหยื่อรายต่อมาของบันดีคือ ลินดา แอน เฮียลีย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตันอีกคนหนึ่ง ในคืนวันที่ 31 ของเดือนเดียวกันบันดีงัดเข้าไปในห้องของเฮียลีย์ ทุบเธอจนหมดสติ ใช้ผ้าปูเตียงห่อร่างของเฮียลีย์และแบกเธอหายไป

ผู้หายสาบสูญอื่นๆที่ตามมาใน พ.ศ. 2517

  • 12 มีนาคม ดอนนา เกล แมนสัน นักศึกษาวิทยาลัยเอเวอร์กรีนสเตต
  • 17 เมษายน ซูซาน แลนคอท นักศึกษาวิทยาลัยเซนทรัลวอชิงตันสเตต
  • 6 พฤษภาคม โรเบอต้า พาร์กส์ นักศึกษามหาวิทยาลัยโอเรกอน
  • 1 มิถุนายน เบลนด้า บอล เป็นผู้หายสาบสูญเพียงคนเดียวที่ตำรวจพบว่าไม่ได้เป็นนักศึกษา
  • 11 มิถุนายน จอร์เจี้ยน ฮอกกินส์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตัน

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 เป็นวันที่บันดีฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนในวันเดียวด้วยการลักพาตัวในเวลากลางวัน เจนิซ ออตต์ และ เดนิส เนสรันด์ หายตัวไปจากทะเลสาบซัมมามิช เมืองอิซซาควาห์ รัฐวอชิงตัน มีพยาน 8 คน บอกตำรวจว่าเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีมีเฝือกที่แขนซ้าย เรียกตนเองว่า "เท็ด" ซึ่ง 5 ใน 8 คนนั้นเป็นหญิงสาวที่ถูกขอให้ช่วยยกเรือใบเล็กลงมาจากรถเต่าโฟล์คสวาเกน 1 ใน 5 คนนั้นเดินไปกับ "เท็ด" จนมองเห็นว่าไม่มีเรือใบเล็กอยู่ที่รถโฟล์คสวาเกน จึงปฏิเสธที่จะเดินต่อ พยานที่เหลืออีก 3 คนคือผู้ที่เห็นเขาเข้าพูดกับ เจนิซ ออตต์ เกี่ยวกับเรื่องเรือใบเล็ก และไม่มีใครเห็นออตต์อีกเลย และเนสรันด์หายตัวไปในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2517 ตำรวจรัฐพบศพของออตต์และเนสรันด์แล้ว แต่บันดีได้เดินทางไปที่ซอลต์เลคซิตี เนื่องจากผู้ว่าการรัฐวอชิงตันสนับสนุนให้เขาได้ไปศึกษาต่อด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ วันที่ 2 ตุลาคม แนนซี วิลคอกซ์ หายสาบสูญไป จากซอลต์เลคซิตี วันที่ 18 ของเดือนเดียวกัน แมริซา สมิธ อายุ 17 ปี บุตรสาวของนายตำรวจเมืองมิดเวล รัฐยูทาห์ บิดาของสมิธได้เตือนเธอให้ระวังตัวแล้วหลายครั้ง ซึ่งบันดีฆาตกรรมสมิธด้วยการรัดคอ ข่มขืนเธอทางทวารหนัก ทุบที่ใบหน้าของสมิธหลายครั้ง จนบิดาและมารดาของสมิธจำศพของบุตรสาวไม่ได้